วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 28, 2549

November Rain

วันนี้ขออัพเกรดบล็อกตัวเองครับ หลังจากกลับบ้านมาตั้งแต่เช้า

อุดรวันนี้อากาศเย็นพอสมควร ตัวเลข 14 องศา คงไม่ใช่ตัวเลขปกติของอากาศในกรุงเทพเป็นแน่ จะพอใกล้เคียงคงสมัยผมเรียนที่รังสิตนั่นแหละ เคยมีปีนึงหนาวถึง 19! อาจจะบวกลมเข้าไปด้วย แต่เล่นเอาแทบไม่อยากลุกไปไหนเลยจริงๆ

ที่อัพเกรดบล็อกก็คือ ตอนนี้บล็อกผมมีเพลงกับเขาเสียที หลังจากบ้านนอกหลังเขามานานหลายเพลา ก็ได้ใบบุญจากพี่แจ๋วที่ผมทำลิงค์ไว้ข้างๆ นี่แหละครับ อาศัยส่องดูโค้ดในเว็บบล็อกเธอแล้วเอามาดัดแปลงดู ทดลองเมื่อกี้ใช้ได้ก็ดีใจแล้ว :)

เพลงที่ผมเอาขึ้นบล็อกก็คือเพลง November Rain ของวง Guns And Roses วงดนตรีร็อกแบบ LA Guns ที่โด่งดังช่วงรอยต่อยุค 80 มา 90 เพลงนี้อยู่ในอัลบั้มชุดที่น่าจะเป็นอัลบั้มที่คลาสสิคที่สุด และดีที่สุดของวง เพราะเป็นอัลบั้มที่โชว์ความอหังการ์ แสดงให้เห็นว่าวงนี้ไม่ใช่วงประเภทขายเสน่ห์แบบฉาบฉวย ขายการแสดงล่อแหลมทางเพศแบบวงเดียวกันที่มีเกร่อเป็นดอกเห็ดหน้าฝน ด้วยออกเป็นอัลบั้มคู่ในชื่อ Use Your Illusion I & II ยังดีที่ออกแบบแยกขาย ไม่งั้นเด็กจนๆอย่างผมคงหาซื้อของแท้มาฟังได้ยากสมัยนั้น (ตอนนั้นผมได้ค่าขนมวันละ 30 บาท เอง!) โดยส่วนตัวผมชอบเพลงในชุด II มากกว่า I เพราะมีเพลงที่ฟังแล้วถึงอกถึงใจเยอะกว่า I ที่เน้นเพลงเร็วฟังเอาสนุกมากกว่า แต่เพลงนี้คือข้อยกเว้น เพราะเป็นเพลงเดียวของวงนี้ที่ผมฟังมายาวนานตั้งแต่ซื้ออัลบั้มนี้มา จนทุกวันนี้ยังต้องหาดาวน์โหลดมาเก็บในเครื่องเพื่อฟังอยู่เรื่อยๆ

เด็กๆ ผมไม่เข้าใจหรอกว่าเพลงนี้มันกระตุ้นอะไรข้างในผมตรงไหน ผมรู้สึกแค่มันเพราะมากเท่านั้นเอง แต่พอโตมายิ่งเจอแฟนเพลงที่ชอบวงนี้เหมือนกัน รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ทุกวันนี้ผมเลยรู้สึกว่าเพลงนี้มีอะไรมากกว่าเพลงร็อกช้าๆ เศร้าๆ ที่มีท่อนริฟกีต้าร์เจ๋งๆ เท่านั้น

เรื่องราวของเพลงก็ไม่ต่างจากในมิวสิควิดีโอได้เล่าเอาไว้ ก็คือชายคนหนึ่งกำลังจะแต่งงานกับหญิงที่เขารัก แต่กลับรู้สึกว่าในใจของเธอมีอะไรซ่อนอยู่ เขาจึงต้องการบอกให้เธอรู้ว่า "คนทุกคนมีความหลัง คนทุกคนมีอดีตที่เจ็บปวด เธออาจจะไม่มีใครเป็นเพื่อนแท้ของเธอ แต่ถ้าหากตัดสินใจที่จะรักแล้ว ขออย่ากลัวความผิดหวัง อย่ากลัวความเจ็บปวด เพราะเธอยังมีเวลาที่เธอเป็นตัวของตัวเองได้ เธอยังมีคนเข้าใจเธอ และร่วมเดินไปกับเธอ แม้จะต้องเดินฝ่ากลางฝนเดือนพฤศจิกาที่แสนหนาวเหน็บเข้าขั้วหัวใจก็ตาม"

และเพลงนี้ผมส่งเนื้อมันไปให้น้องสาวคนนึง เพื่อต้องการบอกข้อความข้างบนนี้แหละ :)

เป็นห่วงเสมอนะ

วันอังคาร, ธันวาคม 19, 2549

วันที่ผู้ชายคนนี้ไร้เสียง

ตอนนี้ผมอยู่สภาพ "แหบเสน่ห์" อยู่ครับ

ไม่ต้องไปร้องเพลงที่ไหน ไม่มีเพลงฮิตติดตลาดกับใครเขา แค่อาการหลอดลมอักเสบก็พอแล้วจะทำให้ผมเสียงหาย ไม่ใช่แค่แหบสิ ตื่นมาตอนเช้ามันหายไปเลยตะหาก

อาการทุกวันนี้คือ เสียงแหบๆ ฮื่อๆ คือตะโกนพูดเอาครับ เสียงออกมาได้แค่นั้นจริง ถ้าพูดตามจังหวะปกติ จะไม่มีเสียง หรือเสียงแผ่วๆ ออกมาจากปากเท่านั้นเอง

ด้วยอาการแบบนี้เลยไม่ได้ไปทำงานมาสองวันแล้ว วันนี้กระแดะออกไปเอางานจากออฟฟิสกลับมาทำ (พร้อมโดนจิกให้ทำงานต่อที่ออฟฟิสจนเย็น) เลยพบความจริงว่า ถ้าตัวเราไม่มีเสียง การเดินทางไปไหนมาไหน ดูมันลำบากลำบนเหลือแสนเอาการอยู่

ขึ้นรถเมล์กระเป๋าก็ต้องตะแคงหูฟังว่าพูดอะไร นั่งรถมอเตอร์ไซรับจ้าง ก็ต้องบอกใกล้ๆ ว่าจะไปไหน แถมต้องลุ้นอีกว่าเค้าจะฟังถูกตามที่เราอยากไปรึเปล่า (วะ)

แต่ถึงยังไงเสาร์-อาทิตย์ที่จะถึงก็ยังมีนัดติวอีกอยู่ดี (นั่นแหละ) ที่สำคัญตอนนี้ต้องหายให้ทัน แล้วก็ขอนัดสถานที่ที่ไม่มีลมแรงๆ แบบใต้ตึกนิติอีก ไม่งั้นกลับบ้านไปตายแน่ๆ...

ปล. ป่วยมาสิบวัน การบริหารร่างกายเลยชะงักลงไปบ้าง ตอนนี้ออกกำลังนิดหน่อยก็เริ่มเมื่อย เหนื่อย ตึง ขึ้นมาทันตาเห็นเลย เอาวะ กลับบ้านไปต้องไปฟิตให้หนักหน่อยแล้ว

วันพุธ, ธันวาคม 13, 2549

Tomorrow never comes

ช่วงนี้ห่างหายจากการอัพบล็อกไปพักนึง ด้วยเพราะตัวเองไม่มีอะไรมากกว่างาน งาน แล้วก็งาน วันหยุดยาวๆ ก็ไม่ได้ไปไหน นอกจากพักผ่อนอยู่กับห้อง

อ้อ มีเจ็บป่วยเป็นไข้ด้วยอีกอย่างนึง ช่วงเดือนนี้ผมป่วยง่ายครับ เพราะเป็นคนที่ไวกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่เปลี่ยนกันแบบ เช้า สาย บ่าย เย็น นี่ มันพาลทำผมออกอาการแย่เอาง่ายๆ นอกจากอาการป่วยของตัวเอง วันก่อนอดีตรูมเมทเพิ่งส่งข่าวเกี่ยวกับเพื่อนเล่นเกม ที่ตอนนี้กลับบ้านไปใช้ทุนหลวง ตามระเบียบราชการในฐานะเภสัชกรประจำอนามัยต่างจังหวัด ข่าวล่าสุดก็คือ เพื่อนผมคนนั้นกำลังป่วยครับ นอกจากโรคกระเพาะ โรคไต หมอกำลังตรวจหาเซลมะเร็งอยู่ เจ้าตัวเลยโทรมาร่ำลาเพื่อนฝูงที่ติดต่อได้ อารมณ์ว่าทำใจไว้แล้วว่าอยู่ไม่ยืดแน่ๆ

พอได้ยินเรื่องเพื่อนคนนั้น ผมก็ต้องกลับมาคิดถึงตัวเอง พร้อมกับนึกถึงคำพูดของด็อกเตอร์วรฑา ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา หลังจากสู้กับโรคมะเร็งอยู่สองปีกว่า

ด็อกเตอร์วรฑา เตือนเรื่องการชีวิตไว้ว่า ขอให้ทุกคนระวังตัวกันไว้หน่อย อย่าใช้ชีวิตให้มันเปลืองมาก อย่าคิดเรื่องคุ้มไม่คุ้ม เพราะเวลาเราจะตายจริงๆ รับรองว่าไม่มีใครคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้วหรอก


ทุกคนกลัวตายทั้งนั้น เฮือกสุดท้ายทุกคนก็หวังว่าจะมีเฮือกต่อไปอยู่เรื่อยๆ


เมื่อวานผมเพิ่งโทรหาน้องคนนึงที่ให้ผมช่วยติวหนังสือให้ ใจผมไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรไหมถ้าเจอหน้าเธอนานๆ อีกครั้ง แต่มันคงเลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นคนไปสัญญากับเธอเองว่าอะไรช่วยได้ก็จะช่วย

ในใจตัวเองรู้สึกอะไรอยู่ ก็คงต้องปล่อยให้ใจมันจัดการตัวเองไปแล้วกัน

หน้าที่ของตัวเองก็ทำให้มันเรียบร้อย คงต้องแบ่งตัวกับใจแยกให้ออกเสียแล้วสิ

ไม่รู้จะทำได้ไหม แต่จะพยายาม

วันอาทิตย์, ธันวาคม 03, 2549

อนาคต

คะแนนสอบ ทั้ง CU-TEP และ CU-Best ออกมาแล้วครับ

ถามว่าพอใจมั้ย ต้องตอบว่าพอใจ เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
หนังสือก็ไม่ได้อ่าน เพราะคู่มือที่มีขาย ดันเฉลยผิดซะเยอะอีก
พอไม่มั่นใจเลยไม่อ่านเอาเสียเลย ไม่งั้นเดี๋ยวมีมึน มีมั่ว

การสอบหนนี้เลยเป็นเหมือนการสอบวัดความสามารถตัวเอง
แต่มันต้องใช้สมัครเข้าเรียนจริงๆ นี่สิ

ตั้งใจว่าจะยื่นไปสองหลักสูตร คือภาคปกติ และภาคนอกเวลา
ภาคนอกเวลาก็ตัดสินใจยื่นหลักสูตรที่อยากเรียนจริงๆ เลย
นั่นคือหลักสูตรบริหารธุรกิจการบิน

อนาคตจะเรียนอันไหน หรือตกทั้งคู่ก็ยังไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เข็มทิศชีวิตต้องเริ่มตั้งเป้าแล้ว

มัวใช้ชีวิตแบบ Play safe อย่างทุกวันนี้ต่อไป
ผมรู้เลยว่าตัวเองก็กำลังดำดิ่งลงไปอีก

ไม่เชิงว่ายิ่งอยู่ยิ่งแย่ แต่พอมันนิ่ง ผมก็หมดความท้าทาย
สุดท้ายไฟในใจมันพาลจะมอดหมดเอานี่สิ

เอาวะ ได้เวลาตั้งต้นชีวิตใหม่แล้ววุ้ย