ช่วงนี้งานที่ออฟฟิสกำลังว่าง คือมีงานเฉพาะงานด่วนจริงๆ ส่วนงานประจำผมเคลียร์เสร็จไปได้ราวๆอาทิตย์นึงแล้ว เลยเป็นเหตุให้มีเวลากลับไปนั่งเข้าบอร์ดรุ่นมหาวิทยาลัย เข้าไปอีกทีคนทำมันล้างดาต้าเบสเก่าทิ้งหมด เลยต้องไปนั่งกรอกใหม่ แถมรู้ว่าเพื่อนๆ เริ่มท้อง เตรียมเป็นแม่กันหมดแล้ว จนถึงวันนี้ผมเลยเป็นคุณลุงของหลานสิริรวมเกือบยี่สิบคนแล้ว เยอะเนอะว่าไป เพราะรวมทั้งเพื่อนสมัยมัธยมเข้าไปด้วย พวกนั้นอยู่ต่างจังหวัดเรียนจบก็แต่งงานกันเลยมีหลายคู่ บางคนเลยเป็นคุณแม่ลูกสอง คุณพ่อลูกสาม (เมียไม่นับ) ไปเยอะแยะ
*********************************************
น้องที่ไม่ได้ติดต่อกันมาพักนึง เริ่มมีเรื่องมาปรึกษาผมอีกแล้วครับ ยอมรับว่าผมเองใจนึงอยากช่วยเธอ อยากคอยแก้ปัญหาให้เพราะทั้งรัก ทั้งเอ็นดูเด็กคนนี้ เธอมีความคล้ายน้องสาวคนเดียวของผมเหมือนกัน ยิ่งเหมือนกันตรงมีปัญหาเรื่องผู้ชายเข้ามาในชีวิตเยอะเหลือเกิน
แต่อีกใจนึง ผมอยากต่อว่าเหมือนกันนะ เพราะเรื่องที่เธอมาขอความช่วยเหลือ มันทำผมเจ็บปวดใจเล็กๆ อยู่เอาการ จนเมื่อคืนผมเองทนไม่ไหว ต้องตั้งคำถามให้คิดบ้างว่า "เธอเอาเรื่องคนที่เธอชอบ มาปรึกษาคนที่ชอบเธอเนี่ย เธอรู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกยังไง"
*********************************************
เมื่อเช้าตื่นมาเลยนึกถึงเพลงเก่าของวง พอง พอง ได้พอดี เป็นเพลงที่เพราะที่สุดของวงนี้แล้วนะ เสียดายที่ออกมาจังหวะไม่ดีมากๆ เลยกลายเป็นเพลงดีที่ไม่ฮิทไปอีกเพลง
ตอบเธอ (พอง พอง)
กับเธอ คนที่บอกว่ารักเขามากมาย
ที่เธอมาระบาย และร้องไห้ให้ฟัง
บอกว่ามีเรื่องราว ไม่เข้าใจกันและกัน
และถามเอากับฉัน ว่าควรทำอย่างไร
ตอบเธอไม่ได้เหมือนกัน ก็ฉันยังไม่มั่นใจ
ว่าตัดเธอ หมดจากใจหรือยัง
เธอกำลังจะถามเรื่องเขา คนที่เธอรักมากมาย
กับผู้ชายคนนี้ ที่รักเธอเช่นกัน
แค่ได้ฟังเรื่องราว ใจฉันยังสั่น
แล้วคำตอบนั้น จะตอบเธอได้ไง
วันศุกร์, พฤศจิกายน 24, 2549
วันเสาร์, พฤศจิกายน 11, 2549
The Prestige: มายา ริษยา...
ความริษยาของมนุษย์อันตรายเสมอ เพราะมันมักชักจูงคนคนหนึ่งให้ทำเรื่องที่ปกติไม่คิดจะทำออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะความริษยาคือไฟแรกที่มนุษย์ มันทำให้ใจร้อนรุ่ม มันแผดเผาสำนึกชั่วดีของเราให้แตกดับไปได้ ถ้าเราไม่รู้จักเอามันลงในเวลาที่เหมาะสม
ถ้าบอกว่าความริษยาของคนทั่วไปอันตรายแล้ว คนบางจำพวกยิ่งควรจะหลีกเลี่ยงไฟริษยาให้ไกล โดยเฉพาะคนประเภทที่เราเรียกขานเขาว่า "นักมายากล" คนจำพวกนี้ควรดับไฟริษยา หรือเอามันไปเติมเชื้อที่ถูกที่ควร มากกว่าจะเอาไว้เผาใจตัวเอง เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่เราละเลยให้กลายเป็นความน่าฉงน ทำสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นเรื่องวิเศษได้ ถ้าไฟริษยาอยู่ในใจคนแบบนี้ ความวิเศษจะกลายเป็นเล่ห์ร้าย เรื่องอัศจรรย์จะกลายเป็นแผนชั่ว แบบไม่ต้องสงสัย
อย่างในเรื่องนี้ สองนักมายากลที่เป็นเพื่อนรัก กลับกลายเป็นคู่แค้น เพราะความริษยาในความเก่งกาจที่อีกฝ่ายมี ชนิดเก็บเอาไว้ไม่ได้ ต้องหาวิธีเอาชนะทุกวิถีทาง การหักหน้า ทำลายกล โขมยความคิด จนถึงวางแผนฆ่า ของเหล่านี้ถูกงัดออกมาใช้เบื้องหลังเวที เพื่อให้เบื้องหน้า เขาจะกลายเป็นนักมายากลผู้สร้างความตื่นตะลึงให้ผู้ชมไปตลอดกาล
สิ่งที่อยู่ในใจผมไม่ใช่ลีลาการแสดงของ คริสเตียน เบล หรือฮิวจ์ แจ๊กแมน ทั้งคู่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติครับ หักเหลี่ยมเฉือนคมกันได้มันหยดตลอดทั้งเรื่อง
ไม่ใช่ฝีมือการกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ในฐานะแฟนหนังชนิดเหนียวแน่นของเขา เพราะตามดูมาตั้งแต่ Memento จนถึงเรื่องนี้ ฝีมือของเขายังดีไม่มีตก การเล่าเรื่องแบบสลับเวลา หลอกล่อคนดูให้รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกได้อย่างยอดเยี่ยม
สิ่งที่อยู่ในใจผม มันคือผมกลับมานั่งคิดหลังจากดูจบว่า "ผมกำลังริษยาใครอยู่รึเปล่า"
หลังจากชีวิตผลักดันตัวเองให้ยึดการขีดเขียนเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ผมกลับยังเจอปัญหาเดิมๆ เหมือนเมื่อตอนเริ่มต้นวันแรกไม่มีผิด อาจจะเพราะอ่านมาก รู้มาก หรือด้วยเหตุผลอื่นใดไม่รู้
แต่ผม "ไม่เคยพอใจงานของตัวเอง" เอาซะเลย
ผมเคยตั้งใจว่า ถ้าวันไหนผมเขียนให้ตัวเองอ่านแล้ว "ปลื้ม" ได้ วันนั้นผมจะเอางานชิ้นนั้นไปให้ใครซักคนเอามันออกไปประกาศว่าผมได้ทำงานเสร็จแล้วหนึ่งชิ้น
แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง และผมต้องนั่งเฝ้ารอวันนั้นอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ผมเขียนงานไม่ออก ทุกวันนี้แม้แต่งานแปลที่ทำประจำยังต้องบังคับตัวเองให้ดูแค่ไม่กี่รอบ ไม่อย่างนั้นผมต้องนั่งแก้มันจนไม่ได้ส่งงานเลยซักชิ้นเป็นแน่
งานหลายชิ้นผมแก้แล้วแก้อีกจนทนไม่ไหว ถ้าไม่ปัดส่งไปเลย ก็ต้องลบทิ้ง โดยเฉพาะงานที่ผมเขียนส่วนตัว มันหนักไปทางอย่างหลังมากกว่า
พอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมเลยต้องหนังตัวเองว่าผมกำลังสับสนอะไรอยู่รึเปล่า
คนไปดูด้วยถามผมด้วยคำถามสั้นๆ ว่า "ตกลงอ้วนไม่พอใจงานตัวเอง หรือไม่พอใจตัวเองตอนนี้กันแน่"
นั่นสิ หรือผมกำลังริษยาตัวเองที่อยู่ในความคิด ความฝันของผมเอง ผมกำลังเอาตัวเองในวันวานจนถึงตอนนี้ ไปเทียบกับตัวเองในแบบวาดหวังเอาไว้ และเชื่ออย่างฝังหัวว่าสามารถเอาชนะตัวตนในจินตนาการของตัวเองได้
ผมอาจลืมไปว่า จินตนาการเป็นเหมือนขั้นบันไดขั้นต่อไป ยิ่งผมเดินขึ้นไปสูงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มขั้นความฝันให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะพยายามก้าวให้เร็วเท่าไหร่ ขั้นต่อไปยิ่งเพิ่มความสูงเร็วขึ้นเท่านั้น
หรือผมกำลังพยายามไล่ตาม บางสิ่งที่ผมไม่วันเดินไปถึงกันแน่ ผมชักสงสัยตัวเองขึ้นมาแล้วสิ...
วันพุธ, พฤศจิกายน 08, 2549
Sugar&Spice: เพราะรักเป็นเช่นนั้น ฉันถึงเฝ้าใฝ่หา...
จริงๆ หนังเรื่องนี้ผมเกือบพลาดไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เห็นแบนเนอร์กิจกรรมของพันทิพย์ ก็คงไม่ได้คิดจะขอตั๋วมาดูซักเท่าไหร่ บอกตรงๆ เกือบต้องเสียดายที่พลาดหนัง Coming of Age เก๋ๆ เรื่องหนึ่งไปเลย
ปกติถ้ามีหนังแบบ Road Movie หรือ Coming of Age มาฉายในบ้านเรา ผมเองมักไม่ยอมพลาดตีตั๋ว หรือหาตั๋วไปดู เพราะส่วนหนึ่งเป็นรสนิยมส่วนตัวกับหนังประเภทนี้ อีกส่วนคือถ้าลองได้ลงโรงฉาย ยังไงหนังประเภทมักมีสารบางอย่างส่งให้คนดูเอากลับไปคิดกันเล่นๆ อยู่เสมอ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าตัวเนื้อหาจะเกริ่นถึงเรื่องความรัก แต่สาระสำคัญของหนังเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับพัฒนาการชีวิตของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ค่อยๆ เรียนรู้ชีวิตผ่านความรักของตัวเอง
ไม่อยากเล่าเนื้อหามาก เพราะอยากให้เข้าไปดูกันมากกว่า ถ้าดูในโรงไม่ทัน หา DVD มาดูได้ครับ :p สำหรับแฟนของน้องยูยะที่ติดใจมาจาก Nobody Know รับรองได้ว่าคุณจะต้องประทับใจอีกครั้งกับลีลาการแสดงแบบน้อยได้มากของเด็กหนุ่มคนนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเขายังรักษาคุณภาพในการเลือกหนังเล่นแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ คงได้ดูพ่อหนุ่มคนนี้เล่นหนังระดับที่โผล่บนเวทีกันอีกแน่นอน อีกคนนึงที่เล่นได้เจ๋งและคุมหนังทั้งเรื่องได้อยู่หมัด ก็คือนัตซึกิ มาริ ที่รับบทเป็น "แกรมด์มา" ของพ่อพระเอก ถ้าไม่ได้นักแสดงเจนสนามแบบเธอ ผมว่าพาลทำหนังเรื่องนี้กร่อยได้ง่ายๆ บทของเธอคือคนที่เป็นทุกสิ่งให้พระเอก คือครูผู้สอนบทเรียนชีวิตให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งรู้จักเรียนรู้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง
ดูจบแล้วนอกจากเพลงเพราะๆ ของ Oasis กับบรรดาเพลงคลาสสิคทั้งหลายที่ร้อยเรียงบนเรื่องได้อย่างสนุกสนาน และไร้จุดสะดุด ก็คงเป็นความหมายของชื่อเรื่องเนี่ยหละ เรียกว่าพอไคลแม็กซ์มาถึงผมก็อมยิ้มไปกับ วลีที่โปรยบนกล่องคาราเมลที่ แกรนด์มา กินเป็นประจำ "อุดมด้วยคุณค่า รสชาติน่าหลงใหล"
เพราะความรักมันไม่มีสูตรสำเร็จ เราจึงถามไถ่หา
เพราะรักนั้นมันตราตรึง เธอจึงโหยไห้
แล้วรักเราจะเป็นไร ไม่มีผู้ใดรู้คำตอบนั้น
นอกจากเราสอง ผู้ปองรักกัน...
ปกติถ้ามีหนังแบบ Road Movie หรือ Coming of Age มาฉายในบ้านเรา ผมเองมักไม่ยอมพลาดตีตั๋ว หรือหาตั๋วไปดู เพราะส่วนหนึ่งเป็นรสนิยมส่วนตัวกับหนังประเภทนี้ อีกส่วนคือถ้าลองได้ลงโรงฉาย ยังไงหนังประเภทมักมีสารบางอย่างส่งให้คนดูเอากลับไปคิดกันเล่นๆ อยู่เสมอ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าตัวเนื้อหาจะเกริ่นถึงเรื่องความรัก แต่สาระสำคัญของหนังเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องเกี่ยวกับพัฒนาการชีวิตของเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ค่อยๆ เรียนรู้ชีวิตผ่านความรักของตัวเอง
ไม่อยากเล่าเนื้อหามาก เพราะอยากให้เข้าไปดูกันมากกว่า ถ้าดูในโรงไม่ทัน หา DVD มาดูได้ครับ :p สำหรับแฟนของน้องยูยะที่ติดใจมาจาก Nobody Know รับรองได้ว่าคุณจะต้องประทับใจอีกครั้งกับลีลาการแสดงแบบน้อยได้มากของเด็กหนุ่มคนนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเขายังรักษาคุณภาพในการเลือกหนังเล่นแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ คงได้ดูพ่อหนุ่มคนนี้เล่นหนังระดับที่โผล่บนเวทีกันอีกแน่นอน อีกคนนึงที่เล่นได้เจ๋งและคุมหนังทั้งเรื่องได้อยู่หมัด ก็คือนัตซึกิ มาริ ที่รับบทเป็น "แกรมด์มา" ของพ่อพระเอก ถ้าไม่ได้นักแสดงเจนสนามแบบเธอ ผมว่าพาลทำหนังเรื่องนี้กร่อยได้ง่ายๆ บทของเธอคือคนที่เป็นทุกสิ่งให้พระเอก คือครูผู้สอนบทเรียนชีวิตให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งรู้จักเรียนรู้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง
ดูจบแล้วนอกจากเพลงเพราะๆ ของ Oasis กับบรรดาเพลงคลาสสิคทั้งหลายที่ร้อยเรียงบนเรื่องได้อย่างสนุกสนาน และไร้จุดสะดุด ก็คงเป็นความหมายของชื่อเรื่องเนี่ยหละ เรียกว่าพอไคลแม็กซ์มาถึงผมก็อมยิ้มไปกับ วลีที่โปรยบนกล่องคาราเมลที่ แกรนด์มา กินเป็นประจำ "อุดมด้วยคุณค่า รสชาติน่าหลงใหล"
เพราะความรักมันไม่มีสูตรสำเร็จ เราจึงถามไถ่หา
เพราะรักนั้นมันตราตรึง เธอจึงโหยไห้
แล้วรักเราจะเป็นไร ไม่มีผู้ใดรู้คำตอบนั้น
นอกจากเราสอง ผู้ปองรักกัน...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)