วันอาทิตย์, เมษายน 15, 2550

เรื่องเล่าจากหลังกำแพงวัด

ชีวิตคุณเคยบวชหรือยังครับ?...

ช่วงนี้ถามคำถามแบบนี้กันหน่อย เพราะเพิ่งสึกมาไม่กี่วันนี้เองครับ ไปใช้ชีวิตในร่มกาสาวพัตรมาพักนึง ไม่ใช่ด้วยอารมณ์หกอัก รักระทม อินเทรนด์อะไรกับชาวบ้านเขาหรอก

สาเหตุจริงๆ คืออยากลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตแบบเงียบสงบดูบ้าง อยากรู้วิธีกรรมฐาน อยากรู้ว่าเราจะทำใจให้สงบได้จริงๆ บ้างไหม

ถึงจะเป็นการบวชเพียงไม่นาน แต่สุดท้ายที่ได้มา นอกจากหัวเกรียนติดหนังศรีษะ ก็คือเข้าใจถึงมุมมองทางศาสนาที่แสวงหาความสงบที่แท้จริงในชีวิต

เมื่อตอนบวช พอมองกลับถึงชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจถึงสภาวะของตัวเอง ที่น่าจะเรียกได้เวลา เมาหมัดไปกับการใช้ชีวิตได้เหมือนกัน

ทำให้เข้าใจว่า ทำไมการตื่นขึ้นมาทุกเช้า ต้องรู้สึกว่าไปทำงานทำไมมันเกิดขึ้นในหัว เข้าใจว่า สุดท้ายคนที่เลือกใช้ชีวิตแบบนั้นก็คือตัวเราเอง ไม่มีใครบังคับเราได้

เมื่อตอนเซ็นใบลาออก แว้บแรกที่นึกคือถามตัวเองว่าคิดดีแล้วเหรอ ตอนนี้ก็ตอบได้แล้วว่า มันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว

เมื่อรู้สึกว่าหนทางข้างหน้ามันไม่มีอะไรแน่นอน มันไม่มีอะไรดีขึ้น เราก็ต้องออกมาหาทางเดินใหม่ด้วยตัวเองอีกครั้ง อย่าคาดหวังอะไรกับคนอื่นให้มากนัก สิ่งเดียวที่ทำได้ คือจัดการกับตัวเองให้ดีที่สุด แล้วเรื่องอื่นมันจะจัดการได้เอง

พอบวชถึงได้รู้ว่า ความรู้ความเข้าใจที่มีในพุทธศาสนา ยังห่างกับคำว่า "เข้าใจ" มากอยู่
คือรู้แต่ใช้อะไรมันไม่ได้เท่าไหร่ เข้าทำนอง ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ประมาณนั้น

สิ่งที่ต้องปรับปรุงตัวเองคือ การเอาเรื่องที่รู้ ออกมาใช้งานให้ได้มากที่สุด เปลี่ยนจากการเป็นพวกรู้มาก เป็นพวกทำได้มากให้เร็วๆ

ปัญหาอะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก ปล่อยให้มันเป็นไปตามสภาพของมัน เราไม่ได้อยู่กับมันแล้ว ก็จงอย่าเอามันมาอยู่ในใจเราเอง

******************************************

ถึงจะสึกมาแล้วช่วงนี้ก็ยังต้องไปรับบาตรกับหลวงตา รวมถึงไปเช็กสภาพใจตัวเองกับหลวงตา ว่าพร้อมกลับไปลุยชีวิตที่กรุงเทพหรือยังอีกซักพัก

ต่อไปคงต้องวุ่นกับหลายเรื่องในชีวิต แต่ต้องปรับใจตัวเองให้ได้ก่อนว่า การเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างมันขลุกขลักไปหมดอย่างนี้แหละ ขอแค่ใจอย่าเอามันมาทุกข์มากนักก็พอ

เดี๋ยววันหลังมาต่อว่า พอไปบวชแล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวัดบ้าง


วันนี้มาขอซ้อมมือหลังจากรื้อไปนานก่อนแล้วกันครับ